เมื่อคนเห็นผีจัด Talk Show!

       ต้องบอกกันก่อนว่าผมไม่เคยมี "อคติ" หรือ "ดูหมิ่น" พวกมีสัมผัสพิเศษ มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ พวกมีสัมผัสที่ 6 ที่มีมากขึ้นในปัจจุบันแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าพวกที่มีพลังพิเศษเหล่านี้ที่ผมเรียกว่าบรรดาพวก x-men นั้นส่วนใหญ่ที่ได้พบหรือได้สัมผัสมาเป็นพวก fake แทบทั้งสิ้น บ้างอวดว่าเก่งนั่น เก่งนี่ บ้างก็บอกว่าเห็นนู่นี่นั่น แต่พอลองหลอกล่อไปสักพักก็รู้เลยว่าของปลอมทั้งนั้น  ก็อย่างว่าแหละครับเมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ สอนให้เชื่อในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นดังนั้นจึงเปรียบเสมือนดาบ 2 คม ที่ถ้าคนเชื่อโดยหัวปักหัวปำไม่แยกแยะวิเคราะห์ก็อาจเป็นเหยื่อคนเหล่านี้ได้


       แต่อย่างไรก็ตามพวก x-men เหล่านี้มีอยู่ 2 คนที่ผมค่อนข้างสนใจอยู่ไม่น้อย แถมทั้ง 2 คนนี้ยังปรากฎตัวอยู่บนจอโทรทัศน์ให้เราเห็นกันอยู่ทุกอาทิตย์ คนหนึ่งคือคุณเจน ญาณทิพย์และอีกคนคือคุณริว จิตสัมผัส นั่นเองครับ สาเหตุที่ผมสนใจและติดตามดูพวกเขาทั้ง 2 คนไม่ใช่เพราะว่าเค้าเห็นผีเห็นวิญยาณหรอกครับ เพราะนั่นน่ะผมเองก็ไม่เห็นไปพร้อมๆกับเขาด้วย หากเพียงแต่ว่าทั้ง 2 คนนี้พยายามพูดแบบแบ่งให้มีเหตุผลอื่นๆมาสนับสนุนด้วย โดยเฉพาะคุณริวแกพยายามอธิบายด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ก่อนเข้าเรื่องทางจิตวิญญาณ หลายครั้งพยายามพูดสอนให้คนทำชั่วเลิกที่จะทำสิ่งที่ผิดนั้นและที่สำคัญคุณริวแกไม่ได้สอนให้ "แก้กรรม" หรือ "แก้กรรม" ให้ผู้ที่มาร่วมรายการแต่อย่างไร เพราะว่าในทางพุทธศาสนาแล้วนั้นกรรมมันแก้กันไม่ได้ ดังนั้นผมจึงค่อนข้างสนใจคนๆนี้เป็นพิเศษในบางจุดบางตอนแต่ถ้าเป็นเรื่องที่ทักว่าผีเกาะขาหรือว่าเกาะไหล่เพราะไปทำแท้งหรืแมีส่วนร่วมในการทำแ้ท้งอะไรแบบนี้ข้อนี้ผมขอ no comment ครับ เพราะถือเป็นปัจจัตตัง ดังนั้นเมื่อคุณริวมี talk show เป็นของตนเองออกมาในรูปแบบ DVD ดังนั้นผมจึงย่อมต้องไม่พลาดเพราะอยากรู้ว่านักจิตสัมผัสที่วันๆ เห็นแต่ผี หมกมุ่นแต่เรื่องวิญญาณ ถ้าขึ้นเวทีใหญ่พูดให้คนดูได้ฟังมันจะเป็นอย่างไร แล้วจะพูดเรื่องอะไร สุดท้ายเมื่อได้ดูผมก็มีคำตอบครับ
      
       Talk Show ปาฏิหาริย์ริวโชว์นั้นจัดขึ้นภายใต้ concept ยอดฮิตติดปากของคุณริว นั่นก็คือเน้นเรื่องบาปบุญคุณโทษและการทำแท้งเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นเรื่องถนัดของคุณริว ด้วยสภาพบรรยากาศที่ทำให้ค่อนข้างวังเวงบวกกับน้ำเสียง build อารมณ์ของคุณริวทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ร่วมได้อย่างไม่ยากนัก ส่วนการแสดงประกอบฉากคั่นเวลา ริวเลือกที่จะเอาการแสดงนาฏยกรรมเงา "คิดบวกสิปป์" และ อาจารย์เอ๊กซ์ วาดทรายจาก Thailand Got Talent มาร่วมสร้างสีสันให้กับ show ของตัวเองได้อย่างลงตัว ส่วนที่เรียกเสียงฮาคลายเครียดจากเรื่องหนักๆ นั้น การเลือกเอาคุณ "ตุ๊กกี้" มาเป็นแขกรับเชิญก็ประสบความสำเร็จ
 


       ตลอด 1 ชั่วโมงกว่าๆ ที่ดู talk show ในครั้งนี้ก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้วเพราะคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าน่าจะเป็นการพูดในเรื่องที่คุณริวแกถนัดมากกว่า เพียงแต่ที่ดูก็เพราะมีความสนใจว่าการ talk show .ในเรื่องของกรรม ในเรื่องของความเชื่อจะออกมาในรูปแบบใด ในบ้านเราพวก talk show เกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้ยังมีน้อยครับ ที่เห็นกันดาษดื่นแต่ค่อนข้างที่จะน่าเบื่อและผมคิดว่าน่าจะเป็นต้นแบบการ talk show เดี่ยวไมโครโฟนอันดับแรกๆของเมืองไทยนั่นก็คือ "การเทศน์ของพระ" นั่นเอง แล้วประยุกต์ดัดแปลงมาเป็น talk show สากลในที่สุด @^_^@
       ผมคงไม่อาจสรุปได้ว่า Talk show ของคุณริวในครั้งนี้ดีหรือไม่ดี เจ๋งหรือไม่เจ๋ง เพียงแต่ขอแค่ว่าผู้ชม คนดู เมื่อดูจบแล้วได้อะไรดีๆกลับไปคิดบ้าง หรือแม้กระทั่งเกรงกลัวเรื่องบาปบุญคุณโทษเพิ่มมากขึ้นบ้างแค่นี้ก็คงประสบความความสำเร็จแล้ว แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมนะครับว่า

"เรื่องเหล่านี้ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม!"

       
                                                                                      หนังมีไว้ดู ผู้หญิงมีไว้รัก

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

จิตมนุษย์นั้นไซร้...ยากแท้ หยั่งถึง


       "หลังจากดูเรื่องคน-โลก-จิต จบ ผมนอนไม่หลับจนถึงเช้า!

       ไม่ใช่เพราะว่าหนังสยดสยอง หวาดเสียว น่ากลัว จนทำให้นอนไม่หลับ หากแต่ตัวหนังเองแม้จะจบไปแล้วแต่ยังคงทิ้งเรื่องราวต่างๆ มากมายให้กลับไปครุ่นคิดต่อ นับเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่เคยดูแล้วทำให้ต้องกลับไปคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เข้าทำนอง "หนังจบแต่คนไม่จบ"


        คน-โลก-จิต เป็นหนังที่ำนำเสนอถึงอีกด้านของคน อีกมุมหนึ่งของชีวิตที่หลบซ่อนอยู่ในตัวของคนเราทุกคน หนังสื่อให้เห็นว่าคนเราทุกคนล้วนมีด้านมืดของชีวิต ล้วนมีปมในจิตใจที่เก็บซ่อนไว้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น คนเราทุกวันนี้ต่างพยายามซ่อนโลกที่ว่าอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ พยายามบิดเบือนความสวยงามของโลกใบนี้ให้เป็นในสิ่งที่ตนอยากเป็นเืพื่อหลีกหนีจากปมหรือสิ่งที่เก็บอยู่ลึกภายในใจนั้น โดยผ่านตัวละคร 4 ตัวที่แม้บทบาทจะต่างกันแต่ก็เป็นตัวเชื่อมโยงเนื้อเรื่องให้เป็นหนึ่งเดียวกัน สื่อให้เห็น "ปม "และ "โลกอีกใบ" ที่อยู่ในตัวของแต่ละคน ได้แก่ "เขื่อน" "คีย์" "เทียน" และ "กวาง"



       "เขื่อน" (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) คือนักจิตวิทยาชื่อดังผู้มีความสามารถในการอ่านจิตใจฆาตกรที่มีปมในอดีตบางอย่างฝังใจได้มาพบกับ "กวาง" (อาภา ภาวิไล) เด็กสาวที่เขาเคยช่วยเหลือไว้จากคดีล่วงละเมิดทางเพศโดยพ่อ เมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งการเจอกันครั้งนี้เองทำให้เขื่อนคิดว่าบางทีการที่เขาเข้าไปช่วยกวางในครั้งนั้นโดยใช้หลักจิตวิทยาอาจเกิดข้อผิดพลาดก็เป็นได้และเมื่อ "คีย์" (ศรัณญู ประชากริช) เพื่อนเก่าของเขื่อนได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาก็ยิ่งทำให้ปมต่างๆ ในอดีตที่เขาเก็บซ่อนไว้ ค่อยๆเผยออกมาโดยมี "เทียน" (บุญยิสา จันทราราชัย) แฟนสาวของเขาที่มีปมบางอย่างในจิตใจเช่นกันคอยสังเกตเห็น


 
       แม้ว่า theme ของหนังจะมีส่วนคล้ายเรื่อง "เฉือน" อยู่บ้างในบางประเด็น หากแต่ตัวหนังเองกลับมีความดึงดูดทำให้น่าดู น่าติดตามกว่าเรืองเฉือนมาก หนังเลือกที่จะเล่นกับจิตใจและจิตใต้สำนึกของมนุษย์มากกว่าที่จะเล่นเรื่องฆาตกรรมสยดสยอง หนังเลือกที่จะใช้เพลงที่ดูออกจะ "โรคจิต" หน่อยๆประกอบหนังอยู่เป็นระยะๆ และที่สำคัญคือหนังต้องการที่จะสื่อให้เห็นว่า แท้จริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ "เป็นโรคจิต" และ มี "โลกส่วนตัว" กันแทบทุกคนเพียงแต่โลกอีกใบของใครต่างหาก ที่กล้าจะเปิดเผยตัวตนต่อโลกแท้จริง!
       มีเนื้อหาอยู่ตอนหนึ่งในหนัง ที่เขื่อนบอกทุกคนว่า คนเราทุกวันนี้มัวแต่กังวลว่าจะลบจุดสีดำเล็กๆที่อยู่บนกระดาษขาวอย่างไรแทนที่จะคิดว่าจะทำอย่างไรกับพื้นที่สีขาวนั้น ถือเป็นจุดที่ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าคนเราทุกคนนั้นมักคิดถึง "จุดดำ" ในจิตใจของตนมากกว่าจะคิดถึงเรื่อง "พื้นที่ขาว" ที่อยู่รอบตัว  แม้บางคนจะพยายามเลือกที่จะลืมจุดดำนั้นโดยอาศัยพื้นที่ว่างสีขาวเป็นตัวดึงดูดชักจูงให้คนมองในพื้นที่สีขาวเฉกเช่นเดียวกับที่เขื่อนทำก็ตามแต่อย่าลืมว่า "จุดดำ" นั้น ก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน สรุปให้ง่ายขึ้นก็คือคนเราไม่สามารถลบปมหรือจุดดำออกจากชีวิตของตนไปได้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตามนั่นเอง

       หนังเรื่อง คน-โลก-จิต สร้างจากบทละครที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวด Thailand Script Project โดยได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่างคุณนนทรีย์ นิมิบุตร มาเป็นผู้ดำเนินงาน ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยดูหนังเรื่องอื่นๆ ที่คุณนนทรีย์ นิมิบุตร กำกับมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น  2499อันธพาลครองเมืองหรือหนังที่สร้างจากบทประพันธ์ัชั้นยอดอย่างจันดารา แต่จากการที่ผมได้มาดูหนังเรื่อง คน-โลก-จิต ที่ผู้กำกับมือทองคนนี้สร้างทำให้ผมเชื่อมั่นได้ว่าหนังเรื่องอื่นๆก็คงดีไม่แพ้กัน แต่ถึงอย่างไรหนังเรื่อง คน-โลก-จิต นี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งในหนังในดวงใจของผมตลอดไปอย่างแน่นอน

       ทิ้งท้ายไว้สำหรับคนที่คิดจะไปชมหนังเรื่องนี้แต่กลัวว่าจะเป็นแบบหนังพื้นฐานทั่วๆไปที่เดาตอนจบได้ผมขอบอกว่า "ยาก" ครับ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็เพราะว่า "คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ซ่อนโลกอีกใบไว้ข้างใน......" นั่นเองครับ สวัสดี

                                                                                                                       
                                                                                          หนังมีไว้ดูผู้หญิงมีไว้รัก

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS